วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เนื้อเรื่อง Dragon Age นักรบสีเทาผู้ปัดเป่าความมืด Gray Wardens [Part 4 End]

เนื้อเรื่อง Dragon Age นักรบสีเทาผู้ปัดเป่าความมืด Gray Wardens [Part 4 End]


เนื้อเรื่องตอนที่แล้ว Part 3 ได้เล่าถึงเรื่องราวของเผ่า Dwarf เผ่าคนแคระร่างเล็ก แต่แข็งแกร่งผู้ใช้ชีวิตอยู่ใต้ผืนดิน นอกจากนั้นยังเล่าถึงความเป็นมาเป็นไปของเหล่าปิศาจอสูรจากโลกมืดแห่ง the fade พวก Darkspawn มาถึงพาร์ทนี้ จะเป็นการเล่าถึงเรื่องของกลุ่มคนจากหลากหลายเผ่า ที่ร่วมมือกันต่อกรกับกองทัพ the blight ที่รุกรานโลก Thedas และนำความสงบสุขกลับคืนสู่ดินแดน เรามาฟังเรื่องของเหล่า Grey Wardens กันต่อได้เลยครับ


โอเค ต่อกันเลย แล้วเหล่านักรบที่ต่อกรกับกองทัพ the blight ครั้งแรกคือใครกันนะ?


ผู้คนทั้งหลายใน Thedas ต่างก็ร่วมมือกับเหล่านักรบที่รวมกลุ่มกันเพื่อต่อต้านพวก Darkspawn โดยเฉพาะ เหล่า Grey Wardens นั่นเอง


พวก Grey Wardens เหรอ อืมมมม มีหลายกลุ่มหลายเผ่าพันธุ์เหลือเกินนะในเรื่องนี้ จำกันแทบไม่หวาดไม่ไหว


ใช่แล้ว แต่นักรบพวกนี้เป็นกลุ่มสุดท้ายแล้วล่ะที่คุณจำเป็นต้องรู้จัก แน่นอนว่าเหล่า Grey Wardens นั้นมีบทบาทสำคัญมากในเนื้อเรื่อง Dragon Age พวกเขาต่างถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อครั้งสงครามทัพ the blight แรกได้บุก Thedas ในขณะนั้นกลุ่มขุนพลชั้นสูงของทุกเผ่า ต่างก็พยายามขวานขวายหาวิธีเอาชนะกองทัพ Darkspawn จำนวนมหาศาลแบบไม่สนวิธีการ ถึงขนาดที่พยายามจะฉีดเลือดของ Darkspawn เข้าสู่ร่างกายของนักรบตรงๆ แล้วรอดูว่าเลือดอสูรพวกนั้นมันช่วยเพิ่มพละกำลังหรือความสามารถพิเศษอะไรให้คนของเขารึปล่าว แต่โชคร้ายหน่อยครับ เลือด Darkspawn นั้นคร่าชีวิตนักรบส่วนใหญ่ไป แต่ก็ยังมีบ้างที่มีชีวิตรอด ซึ่งพวกที่รอดมานี้พบว่าพวกเขามีจิตเชื่อมโยงกับพวก Darkspawn ได้ ทำให้นักรบพวกนั้นสามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของพวก Darkspawn ใกล้ และบางทียังสามารถเข้าไปเห็นความคิดของ Archdemon ได้อีกด้วย


สุดท้ายแล้ว นักรบที่ได้รับเลือดของ Darkspawn แล้วรอดชีวิตเหล่านั้นก็ได้รวมกันก่อตั้งเป็นกลุ่ม Grey Wardens เป็นกลุ่มนักรบที่พลิกระดานสงคราม ถล่มพวก the blight จนแตกกระเจิง อีกทั้งยังสามารถกำจัดมังกรปิศาจ Archdemon ลงได้อีกด้วย ซึ่งต้องบอกนิดนึงว่า ปกติแล้ว Archdemon นั้นเป็นผีดิบ ไม่สามารถสังหารโดยคนธรรมดาได้ แต่เนื่องจากเลือดของ Darkspawn ที่ได้รับเข้าไปก็ทำให้เหล่า Grey Warden มีพลังที่จะสามารถสังหาร Archdemon ได้โดยการสละชีพของตนเองไปพร้อมๆกับกองทัพ the blight ที่ล่มสลาย


ซึ่งในอินโทรของ Dragon Age: Origins นั้นได้สรุปเรื่องราวส่วนนี้ไว้ให้อยู่แล้ว ทุกท่านสามารถดูได้ที่วิดีโอด้านล่างได้เลยครับ



แล้วกองทัพ blight เนี่ยมีจำนวนทั้งหมดเท่าไหร่เหรอ?


5 ครั้ง 5 กองทัพ ซึ่งเกมแรกในซีรีส์อย่าง Dragon Age: Origins นั้นได้บอกเล่าเรื่องราวของสงครามกับกองทัพ the blight ที่ห้า ซึ่งผู้เล่นจะได้เล่นเป็นชายหรือหญิง ที่ถูกเลือกเข้าไปอยู่ใน Grey Wardens ในตอนแรก และสุดท้ายก็เป็นผู้เล่นนี่แหละที่ต้องลงมือสังหารเจ้า Archdemon ซึ่งในเนื้อเรื่องนั้น เจ้า Archdemon ก็คือ Urthemiel เทพมังกรแห่งความงาม และจบสงคราม the blight กอบกู้โลกได้สำเร็จ


แต่ถ้าตอนที่กองทัพ the blight ไม่มี พวก Grey Wardens ยังรวมกลุ่มกันอยู่ไหม?


คำตอบคือ ยังรวมกลุ่มกันอยู่ครับ เพราว่ายังคงมีโอกาสที่พวก Darkspawn อื่นๆ ไปขุดเจอ Archdemon ตัวใหม่ และพอถึงเวลานั้นพวก Grey Wardens ก็ต้องรีบกลับมารวมตัวกันให้เร็วที่สุด เพราะฉะนั้นก็เป็นการดีที่จะสแตนบายไว้รอ


ถ้าพูดถึงภาระหน้าที่ของเหล่า Grey Wardens นั้นก็ออกจะดูเข้าชั้นบ้าๆหน่อย เพราะว่าการที่พวกเขาต้องเอาชีวิตไปแขวนอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลา เนื่องจากหน้าที่ที่ต้องคอยเป็นป้อมปราการแรกให้ผู้คนใน Thedas และยังพร้อมที่จะสละชีพตนเพื่อกำจัด Archdemon อีก ไม่แปลกที่พวกนักรบแห่ง Grey Wardens จะถูกยกย่องอยู่เนืองๆ จะว่าไปแล้วพวกเขาก็จะเหมือนกับกลุ่ม Night’s Watch (กลุ่มนักรบที่คอยปกป้องดินแดน) ในซีรีส์ดัง Game of Thrones พวก Grey Wardesn จะตอบรับผู้คนจากทุกเผ่าพันธุ์ ทุกสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังเลวร้ายขนาดไหน ก็สามารถเข้าร่วมรบกับ Grey Wardens ได้หมด พวกเขาไม่สนว่าคุณจะเป็นฆาตกร หรือลูกขุนนางใหญ่โต และเมื่อครั้งที่ผู้คนเหล่านั้นได้เข้าร่วมกลุ่มสำเร็จแล้ว จะไม่มีการถอนตัวออกมาเป็นอันขาด เพราะกลุ่มนักรบกลุ่มนี้จะต้องแบกรับความหวัง ภาระ ของโลกทั้งใบไว้บนบ่า แต่อย่างว่าล่ะครับในเมื่อสงคราม the blight ไม่มีโลกอยู่ในช่วงสงบสุข บางทีก็แทบจะไม่มีใครเชื่อฟังคำแนะนำขอพวกเขาเลย มิหนำซ้ำยังมีการพยายามจะฮุบกองกำลัง Grey Warden ไว้เป็นของตัวเองก็มี


โอเค เข้าใจล่ะ พวก Grey Warden ที่จริงแล้วก็คือ Night’s Watch พวกเขาคือกลุ่มที่กำจัด Darkspawn ให้พ้นจาก Thedas แล้วที่ว่าพวก Darkspaw นั้นมีความสัมพันธุ์อะไรกับเผ่าคนแคระล่ะ ช่วยขยายความหน่อยได้ไหม?


ได้สิ เพราะว่าพวก Darkspawn นั้นใช้ชีวิตอยู่ใต้ดิน และเดินางผ่านเขาวงกตใต้ดินเก่าแก่ the Deep Roads ซึ่งพวกคนแคระก็จำเป็นที่จะต้องเข้าไปมีบทบาทอย่างใกล้ชิดกับสงคราม the blight นับตั้งแต่ the blight ครั้งแรกสุดเลยล่ะ พวกผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่บนดิน นานๆทีถึงจะเห็นเจ้า Darkspawn ตัวเป็นๆ นอกเสียจากว่ากองทัพ the blight ได้บุกขึ้นมาบนพื้นโลกแล้วล่ะนะ ซึ่งมันเทียบกับพวกคนแคระที่อยู่ใต้ดินไม่ได้ พวก Darkspawn เหมือนเป็นภัยอันตรายอันใหญ่หลวงสำหรับเผ่าคนแคระเลยล่ะ ซึ่งผลกระทบโดยตรงเลยก็คือการที่ประชากรเผ่าคนแคระได้ถูกลดจำนวนลงจากการรุกรานของพวก Darkspawn ด้วยประชากรที่เหลือน้อยอยู่แล้ว ก็นับว่าจะยิ่งน้อยลงไปอีก อีกทั้งยังมีผลกระทบจาก the tain สารพิษที่เกิดจากเลือดของพวกอสูรร้าย ดันทำให้บรรดาคนแคระชายเป็นหมันอีกตะหาก อะไรจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดกันขนาดนี้ ด้วยเหตุนี้อย่าแปลกใจเลยเวลาที่เราเจอพวกคนแคระในเกมส์ที่มักจะอารมณ์ร้าย ใจร้อน เมื่อถกเถียงในเรื่อง Darkspawn กับพวกบนดิน เพราะคนแคระเหล่านี้แทบจะคลุกคลีอยู่กับสงคราม the blight มาตลอดชั่วอายุไขของตนเลยล่ะ


DragonAgeStory-10


ฟังแล้วเมคเซนส์ดี เอาล่ะ เปลี่ยนมาเป็นพวก Qunari บ้างดีกว่า เพราะว่าไม่ค่อยเหมือนเผ่าพันธุ์ใดๆในเรื่องอื่นๆเลย ไหนเล่าเรื่องของเผ่านี้ให้ฟังหน่อยซิ


เผ่า Qunari ค่อนค่างเท่เลยล่ะ เผ่านี้ปกติแล้วจะมีร่างกายที่สูงใหญ่ยักษ์ แถมยังมีจุดเด่นคือขาบนหัวรูปทรงแตกต่างกันไป เผ่าพันธุ์นี้ใช้ชีวิตอยู่โดยยึดติดกับศาสนาประจำเผ่าเป็นอย่างมาก ศาสนานี้รู้จักกันในชื่อของ The Qun ในศาสนานี้ต้อนรับทุกเผ่าพันธุ์ ทุกเชื้อชาติ ขอแค่แค่ยอมน้อมรับนับถือใน the Qun เพียงแค่ในทุกคนในเผ่าตัวยักษ์มีเขาก็จะถือว่าคนๆนั้นเป็นผู้ร่วมเผ่า Qunari ด้วยกันเลยล่ะ เห็นไหมว่าเผ่านี้เคร่งเรื่องศาสนาเพียงใด และถ้าหากมีศาสนิกชนคนไหนที่ละทิ้ง เลิกนับถือ the Qun เมื่อไหร่ คนพวกนั้นจะถูกเนรเทศและจะถูกเรียกว่า Tal-Vashoth ในภาค Inquisition นั้นผู้เล่นสามารถเลือกที่จะเล่นเป็น Tal-Vashoth Qunari ได้อีกด้วยครับ


เผ่า Qunari นั้นเป็นนักรบที่น่ากลัว ฝีมือดีหาตัวจับยากเลยล่ะ อารมณ์เหมือนเผ่า Viking ประจำ Thedas เลย พวกนี้เป็นเผ่ากระหายสงคราม ชอบการเอาชนะ เผ่าพันธุ์นี้ในอดีตได้ย่างกรายเข้ามาใน Thedas ในฐานะผู้รุกราน ซึ่งในตอนแรกแทบจะยึดดินแดนได้เกือบทั่วทุกแห่งแล้วด้วย ก่อนที่จะค่อยๆเสียดินแดนคืนไปด้วยหลายๆปัจจัย แต่ในปัจจุบันนั้นชนเผ่านี้ได้ปักหลักอาศัยอยู่ในดินแดนที่ไกลออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ชื่อว่า Par Vollen เท่านั้นยังไม่พอเผ่า Qunari ยังมีบทบาทในสงครามภายในอันยาวนานของอาณาจักร Tevinter อีกด้วยครับ ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่อาณาจักร Tevinter นั้นไม่เหลือกำลังมากพอที่จะไปต่อรองกับอาณาจักรอื่นๆได้เท่าที่ควร เพราะทหารส่วนใหญ่ต้องสูญเสียไประหว่างการทำสงครามกับเผ่านักรบสุดโหด ตัวบักเอ้กอย่างเผ่า Qunari นี่แหละครับ


เข้าใจล่ะ ตอนนี้เราคุยกันจนครบทุกเผ่าแล้วใช่ไหมอ่ะ?


ถูกต้อง ครบแล้วล่ะ


ทุกอย่างที่เราคุยกันมาจนถึงตอนนี้เป็นเนื้อเรื่องของภาคแรกกับภาคสองใช่ป่ะ แล้วทุกๆอย่างเป็นยังไงในตอนเริ่มของภาค Inquisition ล่ะ?


ข้อมูลมันเยอะเกินที่จะสรุปให้อ่านกันตอนนี้ได้ เพราะว่าโดยเนื้อเรื่องของทั้งสองภาคแรก พูดได้เลยว่ายาวเอามากๆ พ่วงเข้าด้วยกับเนื้อเรื่องของตัวละคร จำนวนมากหน้าหลายตา ถ้าจะเอาให้ครบก็คงจะใช้เวลาเล่าได้เป็นวันๆเลยล่ะ เมื่อไหร่ที่คุณอ่านบทความนี้จบแล้วยังอยากรู้เรื่องราวต่อจากนั้น แนะนำให้เข้าไปเล่นในเว็บนี้ได้เลยครับ (แต่มันเป็นภาษาอังกฤษนะ) –> Dragon Age Keep ตัวเว็บแอพตัวนี้เป็นเหมือนการจำลองเหตุการณ์บนโลก Thedas ตามการกระทำในตัวละครที่เราสร้างขึ้นจริงๆในเกม หรือสามารถจำลองเหตุทางเลือกในแต่ละเหตุการณ์ได้ด้วยตัวเอง พอจำลองเสร็จเราก็สามารถ export สถานะของโลก Thedas ตามนั้นไปเล่นบนภาค Inquisition ได้ด้วยนะครับ หรือก่อน export เราก็สามารถลองดูวิดีโอตามเนื้อเรื่องที่เราได้เลือกได้เลย ขอบอกว่าได้อารมณ์มากๆครับ


ใช่แล้วนายเคยพูดไว้เมื่อพาร์ทแรกๆนี่นา ตกลงว่า The Keep นี่เป็นเว็บแอพที่เราสามารถเล่นผ่านเนื้อเรื่องของทั้งสองภาคแรกงั้นสินะ


ใช่แล้วล่ะครับ ซึ่งระบบในนั้นก็ค่อนข้างลื่นพอสมควรเลย เพียงแต่ว่าถ้าเกิดคุณยังไม่เข้าใจเรื่องราวพื้นฐานที่เราคุยกันมาแต่ต้นซะก่อนเนี่ยก็คงจะงงพอสมควร แต่เมื่อคุณรู้แล้วว่า the bligh นั้นคืออะไร เกิดขึ้นได้ยังไง เหล่า Grey Wardens เป็นใคร และข้อแตกต่างระหว่างพวก Dalish elf และพวก elf ที่อยู่ในเมือง เพียงเท่านี้ก็ง่ายต่อการติดตามเรื่องราวใน The Keep ได้อย่างไม่ยากเย็นแล้วล่ะครับ จากนั้นเราก็ล็อกอินเข้าเว็บโดยผ่าน Origin Account แล้วก็ทำการตัดสินใจเลือกว่าเหตุการณ์ไหนบ้างที่เราจะให้มันเกิดขึ้นในสองภาคแรก ซึ่งเหตุการณ์แต่ละอันที่เราเลือกนั้นจะเป็นตัวกำหนดว่าผู้นำของเขต Ferelden คนล่าสุดจะเป็นคนยังไง พวกนักเวทย์ใน Kirkwall จะเป็นยังไงในอนาคต อะไรประมาณนี้ อีกอย่างหนึ่งตอน export word state ตามที่เซ็ทไว้ออกมาเราสามารถนำไปใช้ได้กับภาค Inquisition ทั้งสาม Platform เลยครับ


โอเค เดี๋ยวผมจะไปลองเล่นแน่นอน แต่ตอนนี้ช่วยสรุปให้ก่อนสิ


ได้เลยครับ งั้นมาเริ่มที่ภาค Origins, ภาคนี้เรื่องราวทุกอย่างเริ่มต้นที่ Ferelden และดำเนินเรื่องผ่านสงคราม the blight ครั้งที่ห้า อย่างที่เคยบอกแหละครับ ผู้เล่นนั้นสามารถเลือกที่จะเล่นเป็นใครก็ได้ บางคนอาจจะชอบเป็นเผ่าเอลฟ์ที่อยู่ในเมือง หรืออาจจะเกิดมาเป็นชนชั้นสูงของเผ่าคนแคระ หรืออาจจะเลือกเป็นจอมเวทย์ที่อยู่ใน Circle of Mage ผู้ที่ถูกเลือกให้อยู่ใน Grey Wardens ซึ่งต้องเข้าร่วมรบในสงครามภายใต้การบังคับบัญชาของ King Cailan แห่งดินแดน Ferelden แต่โชคร้ายขุนพลคนหนึ่งนามว่า Loghain ได้ทรยศราชาของเขาโดยการละทิ้งให้ King Cailan ตาย และปล่อยให้ทั้งประเทศตกอยู่ในความโกลาหล เหมือนกับที่กองทัพ the blight กลืนกินทุ่งสิ่งมีชีวิตบนพื้นดิน


DragonAgeStory-11


โหย ฟังแล้วนี่ต้องเป็นต้นเหตุของปัญหาใหญ่ๆภายหลังแน่นอน


แต่ว่า Loghain ก็มีเหตุผลของเขานะครับ เนื่องจากการตายของราชาส่งผลให้นักรบ Grey Wardens ทุกกลุ่มที่ยังเหลือรอดอยู่จำเป็นต้องร่วมมือกันยืนหยัดต่อสู้ รวมทั้งได้ร่างกฏหมายสนธิสัญญาเพื่อขอความช่วยเหลือจากขุนนาง นักเวทย์ และกองกำลังอื่นๆที่อยู่รอบๆ Ferelden จนสามารถรวมอาณาจักรให้เป็นหนึ่งเดียว และเดินทัพใหญ่ครั้งสุดท้ายแบบหมดหน้าตักเพื่อไปสังหาร Archdemon จนสำเร็จ


ฟังแล้วมันก็ดูเจ๋งเหมือนกันแฮะ


แน่นอน ภาค Origins นั้นเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมเลยล่ะ ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องจะสามารถดำเนินได้หลากหลายรูปแบบ แต่ท้ายที่สุดแล้ว นักรับของเราก็ต้องได้เผชิญหน้ากับ Archdemon และสังหารมันลง เพื่อกอบกู้โลกจากสงคราม the blight ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณเลือกทำระหว่างเกมจะส่งผลต่อฉากจบด้วย ซึ่งนั่นก็หมายถึงตัวละครที่คุณสร้างกับมือจำเป็นต้องสละชีพตัวเองเพื่อปราบ Archdemon หรือบางทีปล่อยให้เพื่อนๆคนเป็นคนสละชีพแทน หรืออาจจะปล่อยให้นักเวทย์ผู้ไร้ศาสนานามว่า Morrigan ตั้งท้องทารกปิศาจที่สามารถหยุด Archdemon ได้ หรืออะไรทำนองนั้น


ห๊ะ เดี๋ยวๆๆ เมื่อกี้ว่าไงนะ?


ใช่แล้ว นั่นเป็นหนึ่งในทางเลือกการจบเกมที่เข้าขั้นแปลกเลยล่ะ เดี๋ยวเราจะมาพูดถึง Morrigan กันในอีกไม่ช้า


ตามนั้นเลย


อย่างไรก็ตาม Dragon Age 2 นั้นกลับเป็นเนื้อเรื่องที่ไม่ค่อยจะเกี่ยวข้องกับภาคแรกสักเท่าไหร่ แต่ว่าก็ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับภาค Origin นะ คือช่วงสงคราม the blight ครั้งที่ 5 นั่นเอง ในขณะนั้นกลุ่ม Grey Wardens จากภาคแรกกำลังเดินทัพออกไปฟาดฟันกับเหล่า Darkspawn กันอย่างเมามันส์ ซึ่งขณะนั้นตัวเอกของภาคต่อ ที่ผู้เล่นต้องเลือกว่าเป็นชายหรือหญิง นามว่า Hawke ได้นำทางพาครอบครัวเขาข้ามจาก Ferelden ไปยังใจกลางเมือง Kirkwall ถ้าใครยังพอจำได้นะครับ Kirkwall นั้นตั้งอยู่โซน Free Marches ซึ่งที่ผมเคยได้พูดไปแล้วตอนต้น (เอ๊ะ หรือว่าไม่นะ) ว่าโซนนี้เป็นเขตไร้การปกครองที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของ Ferelden ตรงข้ามกับทะเล Waking Sea


DragonAgeStory-12


ฟังแล้วดูเท่ดี แล้ว Kirkwall หน้าตาเป็นยังไงอ่ะ?


เป็นที่ๆค่อนข้างเสื่อมโทรมเลยล่ะ จริงๆนะ ก่อนที่ Hawke จะเดินทางไปถึง เมืองนี้ถูกคุมโดยผู้ลี้ภัยสงคราม the blight จาก Ferelden จะเห็นได้ชัดว่ามีช่องว่างระหว่างพวกขุนนางชั้นสูงกับพวกขนจนข้างถนนอย่างมากเลยล่ะ อีกฝั่งหนึ่งอยู่ในบ้านช่องใหญ่โต กับผู้คนอีกฟากหนึ่งที่ไม่มีแม้แต่เตียงที่จะซุกหัวนอน ประกอบกับที่ความขัดแย้งภายในเมืองกำลังจะปะทุถึงขีดสุด และพร้อมที่จะฉีกเมืองนี้ให้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ


ณ อีกฟากหนึ่ง ความบาดหมางระหว่างกลุ่มจอมเวทย์ใน Kirkwall กับพวก templar ก็อยู่ในสภาวะที่ตึงเครียดแบบถึงขีดสุด ถึงขนาดที่ว่าเหล่า templar กำลังวางแผน จัดกองกำลัง เพื่อที่จะสังหารนักเวทย์ทุกคนใน Kirkwall ให้สิ้นไปอีกด้วยครับ โหดสุดๆ


โหย แล้วเหตุการณ์ภายในเกมเป็นยังไงบ้างล่ะ?


เนื้อเรื่องนั้นค่อนข้างที่จะยุ่งเหยิงกว่าภาคแรกอยู่พอสมควร อีกทั้งยังมีการเล่าเรื่องที่ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ เรื่องราวดำเนินผ่านช่วงเวลากว่า 10 ปีของชีวิต Hawke ซึ่งเหตุการเด่นๆในช่วงนั้นก็ประกอบไปด้วยการค้นพบแร่เวทย์มนต์ชนิดใหม่ red lyrium, และการลุกขึ้นต่อต้านของกลุ่มจอมเวทย์ the mage rebellion


โอเค งั้นเริ่มที่ red lyrium เลยละกัน เหมือนว่านายเคยพูดถึงแร่ Lyrium มาก่อนนี่นา มันคือแร่ที่มีพลังเวทย์กักเก็บอยู่ภายในใช่ไหม?


ถูกต้องแล้วครับ แร่ Lyrium ปกตินั้นจะเรืองแสงสีฟ้าด้วยพลังเวทย์มนต์ที่อยู่ภายใน และพวกนักเวทย์ต่างๆมักชอบใช้แร่ชนิดนี้ในการสร้างสิ่งของเวทย์มนต์ พวกเทมพลาร์ก็จะนำมันมาประดับชุดเกราะเพื่อทำให้ตนต้านทานเวทย์มนต์ได้ดีขึ้น มันก็เหมือนกับเป็น “mana” ในเกม RPG อื่นๆนั่นแหละ เพียงแต่ว่าใน Dragon Age นั้นจะอยู่ในรูปแบบของแร่ซะมากกว่า


เข้าใจล่ะ


แร่ Red Lyrium นั้นเป็นแร่ Lyrium ที่ผิดปกติ ซึ่งยังไม่ถูกค้นพบมาก่อนจนกระทั่งเหตุการณ์ใน Dragon Age 2 ได้เริ่มต้นขึ้น ซึ่งถูกพบเจอในขณะที่ Hawke ได้เข้าร่วมคณะเดินทางเพื่อมุ่งหน้าไปสู่ the Deep Roads นำโดยสองพี่น้องเผ่าคนแคระนามว่า Varric และ Bertrand Tethras ซึ่ง Varric นั้นเป็นทั้งผู้บรรยายเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างเหตุการณ์ในเกม Dragon Age 2 และเป็นสมาชิกในคณะเดินทางในคราเดียวกัน และเมื่อหลังจบเนื้อเรื่องภาคสอง Varric ก็ได้กลับมาเป็นตัวละครหลักในภาค Inquisition อีกด้วย


ใช่แล้ว Varric ฉันคิดว่าฉันเคยเห็นเขาในวิดีโอเปิดตัวของเกม Dragon Age 2 นี่นา


ส่วนตัวนะ ผมว่า Varric นั้นถือว่าเป็นหนึ่งในตัวละครที่เจ๋งที่สุดในซีรีส์ Dragon Age เลยล่ะ หลังจากที่พวกเขาได้ค้นพบแร่เวทย์มนต์สีแดง red lyrium พร้อมกับวัตถุที่มีแร่แดงชนิดนี้เป็นส่วนประกอบ และพวกเขาก็นำมันกลับมายัง Kirkwall โชคร้ายหน่อยเพราะสุดท้ายพวกแร่ล้ำค่าเหล่านั้นได้ตกไปอยู่ในมือของผู้นำหญิงกลุ่ม templar แห่ง Kirkwall นามว่า Meredith แถมมารู้ทีหลังอีกว่าแร่สีแดงพวกนั้นถูกครอบงำโดยอำนาจชั่วร้ายสุดหยั่งถึง จนในที่สุดพลังร้ายก็เกาะกินจิตใจของ Meredith จนเธอได้ร่างกฏสงหารนักเวทย์ทุกคนใน Kirkwall ให้สิ้นซากไป


DragonAgeStory-13


นี่เธอทำงั้นได้ด้วยเหรอ


ในทางเทคนิคแล้วก็คงได้ล่ะนะ เพียงแต่ว่าทุกอย่างใน Kirkwall ณ จุดนั้นกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ ทุกอย่างดูโกลาหลวุ่นวายไปหมด ซึ่งผู้เล่นต้องตัดสินใจให้ Hawke เลือกที่จะสนับสนุนการฆ่าล้างนักเวทย์ตามที่ Meredith ต้องการหรือว่าปกป้องฝ่ายนักเวทย์ให้รอดจากการสังหารหมู่ครั้งนี้  ไม่ว่าคุณจะเลือกทางไหน มันก็เป็นจุดจบของทั้งสองฝ่าย ผมจะขอยกตัวอย่างในกรณีที่เลือกเข้าอยู่กับฝ่ายนักเวทย์ละกันนะครับ แน่นอนว่าเราต้องฝ่ากองทัพ templar ทั้งหลายจนสุดท้ายก็สังหาร Meredith ลงสำเร็จ เพิ่มเติมอีกนิด Meredith มีนิสัยค่อนข้างเถื่อนมาตั้งแต่ก่อนจะถูกพลังมืดจาก red lyrium เข้าครอบงำซะอีก เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งเศร้าใจไปเวลาที่ต้องสังหารเธอนะครับ ตอนนี้เหมือนทุกอย่างกำลังจะดูดีฝ่ายนักเวทย์ก็รอด แต่เราดันมารู้ทีหลังว่าหัวหน้าของฝ่ายนักเวทย์ดันแอบฝึก blood magic จนทำให้เธอกลายร่างเป็น abomination ตัวยักษ์ ลงท้าย Hawke ก็ได้กำจัดหัวหน้าของทั้งสองฝ้ายลงไปซะอย่างงั้น นี่มันบ้าบอสิ้นดี


แล้วทางฟากกลุ่มกบฏของจอมเวทย์ Mage Rebellion ล่ะ?


มันค่อนข้างจะซับซ้อนน่ะนะ หนึ่งในตัวละครที่เป็นเพื่อนเคียงบ่าเคียงไหล่เราใน Dragon Age 2 คือจอมเวทย์หนุ่มในกลุ่ม Grey Wardens นามว่า Anders เราจะไปเจอกับจอมเวทย์คนนี้ใน Kirkwall และก็จะได้ร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันไปจนถึงบิทสรุปของเนื้อเรื่องเลยล่ะ


DragonAgeStory-14


Anders นั้นต่อต้านความคิดเรื่องการจำกัดการใช้เวทย์มนต์ทั้งปวงไม่ว่าจะเป็นเรื่อง circle of mages, templars เรื่องนักรบของพระเจ้า the Chantry เขาคิดว่าพวกนักเวทย์ทั้งหลายควรจะอยู่บนโลกที่มีเสรีภาพ มีความเท่าเทียม ซึ่งเรื่องความเชื่อนี้ผลักดันให้เขามีความก้าวร้าวรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะจุดระเบิดให้นักเวทย์ทุกคนคล้อยตามเขา จนขนาดที่ว่าเขาตัดสินใจวางแผนระเบิดพลังเวทย์จำนวนมหาศาลทำลายโบสถ์ของศาสนา Chantry ให้แหลกเป็นจุล และคร่าชีวิตทุกชีวิตที่อยู่ในโบสถ์นั้นจนสิ้น


และเหตุการณ์นั้นเป็นตัวกระตุ้นให้นักเวทย์ทุกคนลุกฮือขึ้นต่อต้านการถูกกดขี่ แผ่ขยายไปไกลเกินกว่ากำแพง Kirkwall จนทั่วดินแดนเลยล่ะ ไม่ว่าตอนสุดท้ายเราจะเลือกที่จะสังหาร Anders หรือเลือกว่าอยู่กับเขาต่อ หรือแม้แต่ปล่อยเขาให้หนีเป็นอิสระ กองกำลังต่อต้านของนักเวทย์ mage rebellion ก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยเฉพาะบริเวณรอบๆ Orlais และ Ferelden, ทางด้านหอคอย circle of mages ก็ถึงคราวกำลังล่มสลาย ผู้ใช้เวทย์มนต์ทั้งหลายได้ทำการต่อต้านนักรบในศาสนากันอย่างเปิดเผยและเริ่มออกมาใช้ชีวิตแบบไร้ศาสนา (apostates) กันมากขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าคุณภาพชีวิตโดยรวมของนักเวทย์ทั้งหลายก็ดีขึ้นกว่าเดิมมาก


อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของ Dragon Age: Inquisition ในตอนเริ่มต้นของภาคใหม่นั้นองค์ศาสดา Justinia ได้เรียกประชุมทั้งเหล่า templars และนักเวทย์เพื่อที่จะผสานข้อบาดหมางระหว่างทั้งสองให้ยุติลง


โอเคเข้าใจล่ะ เดี๋ยวผมว่าจะเข้าไปเล่น the Dragon Age Keep ละ ว่าแต่ว่ามันมีตัวละครตัวไหนที่ผมต้องรู้จักเป็นพิเศษก่อนไปอีกไหม?


ก็ยังพอเหลืออยู่บ้าง เรามาไล่ทำความรู้จักพวกเขากันเลยดีกว่า


Dragon Age™: Inquisition_20141106014558


Cassandra Pentaghast เธอผู้นี้เป็นทั้งนักรบและนักสืบประจำศาสนา Chantry ซึ่งตำแหน่งนี้มีชื่อเรียกว่า “Seeker of Truth” ชื่อเท่ไม่เบาเลยล่ะ ซึ่งเธอถูกส่งมาให้ค้นหาว่าเหตุใด Kirkwall Chantry ถึงถูกทำลาย และอีกข้อนึงคือมาตามสืบว่าคนที่ชื่อ Hawke เป็นใคร และเธอก็ได้จับ Varric แห่งเผ่าคนแคระไปสอบปากคำและรวมถึงเรื่องราวต่างๆระหว่างเหตุการณ์ในเกม Dragon Age 2


DragonAgeStory-16


Morrigan นักเวทย์ผู้สันโดษ ไม่นับถือศาสนาหรือความเชื่อใดๆ ซึ่งเธอคนนี้ก็เป็นตัวละครหลักมาตั้งแต่ภาค Origins แล้ว เธอถูกพบครั้งแรกกลางป่าใหญ่ ถูกเลี้ยงดูโดยแม่ของเธอนามว่า Flemeth และก็ได้เรียนรู้มนต์คาถาโบราณจากแม่ของเธอเช่นกัน และแน่นอนว่าชุดของเธอนั้นถูกใจแฟนๆชาว Origins กันไม่น้อยเลยล่ะ


DragonAgeStory-17


Flemeth แน่นอนว่าเธอเป็นแม่ของ Morrigan โดยทั่วไปแล้วผู้คนมักรู้จักเธอในชื่อ “The Witch of the Wilds” หรือแม่มดแห่งพงไพร แต่อย่างไรก็ตามหลังจากตอนจบของภาค Origins ก็ได้เฉลยว่าเธอคนนี้ไม่ได้เป็นแค่นักเวทย์ธรรมดาๆ เธอมีความสามารถในการแปลงร่างกลายเป็น มังกรยักษ์ขนาดมหึมา แถมในตอนเริ่มเนื้อเรื่อง Dragon Age 2 เธอก็ได้เป็นคนช่วยนำทาง Hawke ให้ไปยัง Kirkwall อีกด้วย ถือว่าเป็นตัวช่วยดำเนินเนื้อเรื่องตัวหนึ่งเลยล่ะ ซื้อตัวตนและภูมิหลังของเธอนั้นเต็มไปด้วยปริศนา รวมทั้งความสัมพันธ์แม่ลูกระหว่างเธอกับ Morrigan ก็ยังไม่มีเรื่องยืนยันว่ามีที่มาที่ไปยังไง เป็นพ่อแม่กันจริงแท้แค่ไหน


Dragon Age™: Inquisition_20141102143914


Varric คนนี้หลายๆคนน่าจะคุ้นหน่อยเพราะผมเคยเล่าไปให้ฟังรอบนึงละ ชายเผ่าคนแคระผู้เป็นคนเล่าเรื่องราวของ Dragon Age 2 นั่นเองครับ


Dragon Age™: Inquisition_20141109152040


Sister Leliana เป็นแม่ชีปลอมตัวมาประจำโบสถ์ Chantry และเธอก็เป็นนักกวี นักฆ่า และก็สายลับในคราวเดียวกันอีกด้วย เธอคนนี้เป็นสมาชิกตัวละครหลักในภาค Dragon Age Origins หญิงสาวผู้เป็นเลิศในการยิงธนู ทั้งยังมีเส้นสายคนรู้จักทั่วทุกเขตแดน และนั่นทำให้เธอมักจะรู้ความเป็นมาเป็นไปของดินแดน Thedas อยู่เสมอๆ เธอปรากฏตัวมาแค่แว้บๆในภาค 2 แต่ในภาค Inquisition เธอได้กลับมารับใช้หัวหน้ากลุ่มสายลับผู้โหดเหี้ยมอีกครั้งหนึ่ง


ครบแล้วเหรอ? ยังเหลืออีกตั้งหลายคนนี่น่า


อืมก็ใช่นะ ยังมีอีกหลายคนเลยล่ะ แต่ว่าทุกคนด้านบนนั้นเป็นภูมิหลังของตัวละครหลักๆ ที่คุณจำเป็นต้องรู้ก่อนที่จะเริ่มเล่นเกม จะได้ไม่งงเวลาเข้าไปเจอในเกมจริงๆ


โอเค ผมรู้สึกดีมากกับข้อมูลทั้งหมดทั้งมวลที่คุณเล่าให้ฟังนะ


นั่นมันสุดยอดเลย เฮ้ ถ้าเกิดเข้าไปเล่นในเกมจริงๆ อย่ากลัวที่จะเสียเวลาเข้าไปอ่าน Codex ในเกมด้วยนะ หรือว่าถ้าติดตรงไหนอาจจะเข้าไปเซิร์ชหาข้อมูลที่ Dragon Age Wiki ได้เลย เพราะว่าเว็บนี้แหละที่ผมได้รวบรวมข้อมูลทั้งหลายเอามาเล่าให้ฟังกัน


ขอขอบคุณ kirk@kotaku.com ที่ได้รวบรวมเนื้อหาภาษาอังกฤษไว้ และผมก็ได้แปลมันให้เพื่อนๆได้อ่านกัน หากใครชอบงานเขียนของเขาก็สามารถติดตาม follow ได้ที่ Twitter @kirkhamilton


เพื่อนๆ สามารถอ่านบทความภาษาอังกฤษแบบเต็มๆได้ที่ลิ้งนี้เลยครับ Ref: Kotaku หากมีข้อผิดพลาดประการใด เราก็ขอกราบอภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ และใครมีข้อเสนอแนะยังไงก็สามารถโพสบอกได้ที่ facebook fanpage ของเราได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่ใน Lore เรื่องอื่นๆละกันนะครับ


Chillyprig



Credit : เนื้อเรื่อง Dragon Age นักรบสีเทาผู้ปัดเป่าความมืด Gray Wardens [Part 4 End]