สูตร Dota 2 Patch 6.83 10 เรื่องที่คุณควรรู้ก่อนแพทช์มา
ในที่สุดข้อมูลแพทช์ใหม่ต้อนรับเทสกาลคริสต์มาสก็ถูกปล่อยออกมาซะที ถึงแม้ว่าปีนี้จะไม่มีเทศกาล Frostivus หรือ event เด่นๆอย่าง Wraith Night เหมือนปีที่แล้วๆก็เถอะ แต่ทาง Value ก็ยังปล่อยแพทช์อัพเดอทซึ่งก็มีการปรับเปลี่ยนฮีโร่ในเกมไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นอัพเดทฮีโร่ในแมทช์แข่งขัน อัพเดทไอเทม การเปลี่ยนแปลงในเกมเพลย์ หรือแม้กระทั่งการอัพเกรดเซิฟเวอร์ด้วย (และนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ไม่มี Frostivus จ้า) โดยบทความนี้ก็จะเก็บมาแค่บางส่วนที่น่าสนใจๆเท่านั้น ถ้าตกหล่นตรงไหนก็ขออภัยด้วยนะครับ หรือไม่ก็ลองคอมเมนต์ถามด้านล่างไว้ก็ได้ แต่ถ้าใครอยากอ่านข้อมูลเต็มๆก็เชิญได้ที่ Official Site ได้เลยครับ
#1 ตัวไหนฮิตต้องโดนเก็บ
เหมือนกับแพทช์อื่นๆก่อนหน้านี้ที่จะมีการปรับ balance ของฮีโร่ภายในเกมอยู่เนืองๆ และการปรับ balance นั้นก็ทำให้ฮีโร่ที่เน้นการหวดป้อมมากกว่าไล่หวดฮีโร่ด้วยกันโดน nerfs กันเป็นแถวๆ ไม่ว่าจะเป็น Tidehunter, Skywrath Mage, Ogre Magi, Death Prophet, Faceless Void, Vengeful Spirit, และ Brewmaster ต่างก็โดนกันเป็นแถวๆในแพทช์นี้
เราลองมาดูฮีโร่ที่เด่นๆ และมักจะเห็นในรายการแข่งบ่อยๆกันสักหน่อยดีกว่า
แพนด้า Brewmaster ของเราก็ถูก nerfs ความเก่งกาจช่วงต้นเกมลงนิดหน่อย โดยรวมถึงการลดเกราะเริ่มต้นจาก 4 ลงเหลือ 2 ซึ่งก็เปรียบเสมือนลด HP ช่วงต้นเกมลงไปถึง 9% เลยทีเดียว ยังไม่พอแถมยังลดระยะเวลา slow ของสกิล Thunder Clap และแถมเพิ่มคูลดาวอีกตะหาก ต่อไปก็ Skywrath Mage ซึ่งถูกลด agility เริ่มต้นจาก 18 เหลือ 13 แน่นอนลดแบบนี้ส่งผลให้เกราะหายไป .7 หน่วย กลายเป็นว่า Skywrath Mage ของเรากลายเป็นฮีโร่ที่มีเกราะน้อยที่สุดเป็นอันดับสามภายในเกมเลยล่ะ
ส่วนฮีโร่ top-pick ที่เหลือก็จะโดน nerfs ในช่วง late game กันไป เริ่มที่ Tide Hunter ถูกปรับลด movement speed เริ่มต้นลงไป 5 หน่วย นั่นทำให้ฮีโร่ตัวนี้เดินเร็วเท่าๆกับ Juggernaught, Omniknight, หรือ Slark เลยล่ะ ยังไม่พอ Ravage สกิลท่าไม้ตายของ Tide Hunter ดันมาโดนลด damage ลงตอนเลทเกมอีกแน่ะ (จาก 200/325/450 เหลือ 200/290/380) อันนี้ยังไม่รวมถึงการโดน nerfs ทางอ้อมที่แพทช์นี้ได้เพิ่มเวลาคูลดาวน์ของ Refresher Orb อีกนะครับ (จาก 185 เพิ่มเป็น 195)
Ogre Magi ของเราก้ถูกปรับลด damage ของสกิลสตั๊นท์ Fireblast (จาก 60/120/180/240 เหลือ 55/110/165/220 damage) อันนี้ว่าแย่แล้วนะ ยังมาลด cast range ลงอีกมหาศาลเลย (จาก 600 เหลือ 475)
Death Prophet ก็ถูกปรับลด strength ที่จะได้รับต่อเลเวลลดไป .3 ต่อเลเวล (from 2.2 to 1.9) ซึงนั่นหมายถึงจะถูกลด max hp ไป 57 หน่วยในเลเวล 10 และจะถูกลด max hp ไป114 หน่วยในเลเวล 20 คราวนี้ก็ทำให้โดนฆ่าง่ายขึ้นมาอีกหน่อย ฮีโร่ตัวต่อไปที่โดนก็คือ Faceless Void ที่ต้องรอนานกว่าเดิมกว่าจะกลับมาครอบอัลติได้อีกรอบเพราะคูลดาวน์สกิล Chronosphere ท่าไม้ตายถูกปรับเพิ่ม (จาก 130/110/90 เพิ่มเป็น 130/15/100) แถมแพทช์ใหม่นี้ unit ประเภท ward ไม่สามารถโจมตีใน Chronosphere ได้เหมือนเดิมอีกแล้ว ทำให้การทำคอมโบกับ Witch Doctor ปัก Death Ward กลางอัลติ Void ใช้งานไม่ได้อีกต่อไปเมื่ออยู่ในโดมของ Chronosphere เท่านั้นยังไม่พอนะครับ สกิล Time Walk ก็จะไม่ลด attack speed ของฮีโร่รอบๆตัวแล้วด้วย
#2 ตัวไหนที่ไม่ค่อยจับมาเล่น ต้องบูสซะหน่อย
สำหรับฮีโร่ที่ถูกเลือกเล่นน้อยมากที่สุดใน public เกมอย่าง Chen and Visage และฮีโร่อื่นๆที่คนมักไม่ค่อยจะเลือกในกาารแข่งขันอีกกว่า 18 ตัว ต่างก็ได้รับบัฟเพิ่มขึ้นกันถ้วนหน้า ซึ่งฮีโร่ชุดที่ถูกบัฟแล้วน่าจับตาก็ได้แก่ Chen, Lina, Bounty hunter, Io, Chaos Knight, และ Luna
เราลองมาดูฮีโร่ที่ถูกผู้เล่นละเลย แต่ถูกเพิ่มความสามารถในแพทช์นี้กันสักหน่อยดีกว่า
Chen ของเราสามารถร่ายสกิล Test of Faith ใส่ตัวเองได้แล้ว โดยเมื่อร่ายแล้วสกิลจะทำการ teleport ครีปที่เสกไว้ทุกตัวกลับมาหา Chen (โดยจะมีดีเลย์พอๆกับการเสกเพื่อนกลับบ้านเลยครับ 6/5/4/3 ตามเลเวลสกิล) อีกทั้งแพทช์นี้ยังสามารถควบคุมครีปผ่าน Holy Persuasion ได้เพิ่มมากสูงสุดอีก 1 ตัว (จำนวน unit สูงสุดจาก 1/1/2/3 เพิ่มเป็น 1/2/3/4) แหล่มไปเลย และนอกจากนั้นยังมีแอบบัฟทางอ้อมจากการเปลี่ยน Ancient Granite Golem (โกเลมหินตัวใหญ่สุดในครีปใหญ่) ที่ได้ปรับให้มีออร่าเพิ่มเลือดถึง 15% เลยทีเดียว แต่ระยะเท่าไหร่นั้นยังไม่แน่ใจแฮะ ต้องรอเข้าไปดูในเกมอีกที
ตัวต่อไปก็คือ Lina เป็นหนึ่งในฮีโร่ที่ถูกบัฟเพิ่มความสามารถในทุกๆแพทช์ที่ออก นับตั้งแต่แพทช์ 6.50 มาเลย และยิ่งแพทช์นี้ก็ถือว่าเป็นการก้าวกระโดดกันเลยก็ว่าได้ ขั้นแรกเลยลูกไฟของ auto attack จะเคลื่อนที่เร็วขึ้นจากเดิม 900 เป็น 1000 หน่วย อีกทั้งสกิล Dragon Slave จะเพิ่ม damage และมานา cost ในทุกเลเวล (damage จาก 100/170/230/280 เพิ่มเป็น 110/180/250/320 และมานา cost จาก 90/105/125/140 เพิ่มเป็น 200/115/130/145) และอีกสกิลนึงที่ต้องคอมโบคู่กันก็ถูกปรับให้เล่นต้นเกมได้ดีขึ้นด้วยนั่นคือ Light Strike Array (damage จาก 90/150/210/280 เป็น 120/160/200/240 และมานา cost สเกลใหม่จาก 90/100/110/125 เป็น 100/110/120/130) แม้ damage เลทเกมจะลดลงนิดหน่อยก็ถูกแทนที่ด้วยระยะเวลาสตั้นที่นานขึ้น (จาก 1.6/1.8/2/2.2 เพิ่มเป็น 1.6/1.9/2.2/2.5)
ดูเหมือนว่า Pudge จะเป็นหนึ่งในฮีโร่ที่ถูกเลือกมากที่สุดในแพทช์นี้ เนื่องจากการที่ pro player ทั้งหลายช่วงหลังๆนี้ไม่ค่อยจะเลือก Pudge ในการแข่งขันต่างๆสักเท่าไหร่ พอมาถึงแพทช์นี้ปุ๊ปทาง Valve จึงปรับบูสสกิล Meat Hook โดยทำการเพิ่มระยะเลเวลแรกๆให้ไกลขึ้นดังรูปด้านบน (จาก 700/900/1100/1300 เพิ่มเป็น 1000/1100/1200/1300)
ไหนๆก็พูดเรื่องความไกลของสกิลละ ต้องพูดถึง Windranger สักหน่อย เพราะว่าแพทช์นี้เพิ่มระยะสกิล Powershot ซะแบบไกลสุดกู่ จากเดิม 1825 เพิ่มไปเป็น 2600 ลองดูรูปด้านบนสิครับ ไกลโคตรๆ และก็มีเพิ่มระยะเวลาร่ายในการทำ max damage ของสกิลเพิ่มเป็น 1 วินาที จากเดิม .7 วินาที อีกทั้งสกิลท่าไม้ตาย Focus Fire ยังเพิ่มความเร็วในการโจมตีขึ้นอีกด้วย จาก 400 เป็น 500 หน่วย
Bounty Hunter แพทช์ใหม่นี้จะรวยยิ่งกว่าเดิมอีกครับ เนื่องจากมีการปรับเงินที่ได้จากสกิล Track หากฆ่าได้สำเร็จเพิ่มขึ้นเยอะมากทีเดียว (เพิ่มจาก 150/200/250 เป็น 200/275/350) และยิ่งไปกว่านั้นคูลดาวน์ของสกิล Track ยังลดเหลือ 4 วิทุกเลเวลอีกด้วย (จากเดิม 10/7/5)
Chaos Knight ก็ได้เพิ่ม damage ของสกิล Reality Rift ขึ้นมาเยอะมากในเลเวลแรก (จาก 25/50/75/100 เพิ่มเป็น 60/80/100/120) แถมยังลดมานาที่ใช้อีกด้วย (จาก 70 เหลือ 50) แถมสกิลไม้ตาย Phantasm ยังอยู่นานขึ้น(จากเดิม 34 วินาที กลายเป็น 42 วินาที) แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากฮีโร่ที่แยกร่างได้ทั้งหลาย แพทช์ที่แล้วนี่ popular เกินหน้าเกินตาไปหน่อย ไม่ว่าจะเป็น Naga Siren หรือ Terrorblade ถูกเนิฟกันถ้วนน่าเนื่องจากแพทช์นี้ร่างแยกทุกร่างจะโจมตีป้อมเบาลง 25% ครับ
IO น้อยของเราแพทช์นี้ก็จะไม่ต้องรอ animation หันหน้าซ้ายขวา กลับหลัง อีกต่อไป (ซึ่งควรจะเป็นแบบนี้แต่แรกละ เพราะ IO มันเป็นลูกกลมๆนี่) ก็คงจะทำให้ฮีโร่ตัวนี้เล่นได้ลื่นไหลขึ้นมาก
ส่วน Luna ของเรานั้นก็แทบจะไม่ถูกเลือกในแมทช์แข่งขันเลยหลังจากถูกลดเกราะตั้งแต่ช่วงปีที่แล้ว แต่ตอนนี้ถูกปรับเพิ่มสกิล Moon Glaive ที่เลเวล 4 จะชิ่งเพิ่มขึ้น (จาก 5 เป็น 6) และท่าไม้ตาย Eclipse ถูกเพิ่มจำนวน beam สูงสุดต่อฮีโร่ 1 ตัวเพิ่มขึ้น 1 ครั้งต่อเลเวล (จาก 4/7/10 เพิ่มเป็น 5/8/11) การปรับครั้งนี้นั้นจะช่วยเพิ่มความสามารถในการเป็น late game carry ที่โหดมากขึ้น แถมยังเพิ่มความสามารถในการ ฟาร์ม การดันป้อมให้ดีขึ้นไปอีก และจากการอัพเกรดท่าไม้ตาย Luna ก็ทำให้ทีมตรงข้าม Gank ยากขึ้นอีกด้วยครับ เพราะบุ่มบ่ามเข้ามาอาจโดน Eclipse สวนหน้าหงายได้เลย
Lone Druid พ่อหมีของเราก็ได้บัฟเหมือนกันนะครับ โดยเฉพาะสกิล Battle Cry ในเลเวล 1 นั้นเพิ่ม damage มาอีกเท่าหนึ่งจากเดิมเลยทีเดียว (จาก 20/40/60 เป็น 50/75/100) และด้วยเกราะที่เพิ่มขึ้นอีกมากโข (จาก 2/4/6 เพิ่มเป็น 5/10/15) แต่เพื่อความสมดุลก็ทำให้คูลดาวน์ของสกิลนี้เพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว (จาก 30 เพิ่มเป็น 60) และระยะเวลาแสดงผลสกิลก็หายไปสองวิ (จาก 8 วินาที เหลือ 6 วินาที)
Alchemist นี่ก็เป็นอีกตัวที่ได้รับตำแหน่ง carry ฮีโร่ที่ถูกเลือกบ่อยที่สุด (และแน่นอนว่ามี GPM สูงที่สุดในระดับ Pro Player อีกด้วย) แต่มันยังไม่พอครับ เรามาบูสอัพเอาให้มันเก่งกว่านี้ไปอีกสิ โดยเริ่มจากสกิลที่ทำให้รวยโคตรเร็วอย่าง Greevil’s Greed ก็ถูกปรับให้ได้ตังเพิ่มขึ้น จากเดิม 4/6/8/10 เพิ่มเป็น 6/8/10/12 และก็รีสเกล gold stack ให้เป็น 3 ทุกเลเวล (นั่นหมายความว่าอัพสกิลนี้แค่ 1 ก็จะฟาร์มได้สบายๆหายห่วงแล้ว) แต่ก็ต้องแลกกับ Max bonus gold ที่ถูกสเกลตามเลเวล (จากเดิม 30 ทุกเลเวล กลายเป็น 12/20/28/36) ระยะเวลาก่อน stack gold จะถูกรีเซ็ทก็ลดลงเหลือ 25 วินาที จากเดิม 30 วินาที แต่ก็ทำให้การเล่นตัวนี้มีความนุ่มลึกขึ้นไปอีกเพราะต้องคอยคำนวณ stack gold ให้ดีดี อีกทั้งในเลเวล 4 สกิลยังเพิ่ม max stack gold เยอะกว่าเดิมตั้ง 6 แน่ะ ต้องมารอดูกันว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะพาให้ฮีโร่ตัวนี้กลายเป็น hard carry ได้รึปล่าว
#3 แพทช์ทั้งทีต้องมี Rework ฮีโร่สิ
แพทช์นี้ก็จะมีการปรับเปลี่ยนสกิลของฮีโร่บางตัว เพื่อเพิ่ทความหลากหลาย และเปลี่ยนแนวทางการเล่น จะได้ไม่เบื่อกันไปซะก่อน ซึ่งคราวนี้ดวงก็ไปลงที่ Lifestealer กับเจ้า Sniper ของเรานั่นเองครับ โดยที่ Sniper นั้น จะไม่สามารถใช้สกิล Shrapnel หรอยป้อมได้เหมือนเดิมอีกแล้ว และก็ทำการเปลี่ยนให้ใช้รัวๆได้ตามจำนวนชาร์จที่มี และพอชาร์จหมดก็จะต้องรอคูลดาวน์ (เหมือนสกิลบลิ้งของริกิ) ผมว่าทำให้โหดขึ้นจมเลยนะ ทำให้สไนเปอร์มีสกิลสโลว์ที่ทั้งกว้างมาก และใช้ได้รัวๆอีก ส่วนอีกตัวหนึ่งก็คือ Lifestealer ก็ได้ปรับสกิล Infest ซึ่งเมื่อเข้าไปสิงครีปแล้วก็จะทำให้ควบคุมครีปตัวนั้นได้ด้วย ถึงแม้ว่าการ rework ครั้งนี้จะไม่หวือหวาเหมือนแพทช์ที่แล้ว แต่ก็เชื่อว่าคงจะเปลี่ยนวิธีการเล่นฮีโร้นั้นๆพอสมควร และคงจะมี meta ใหม่ๆมาให้เห็นกันแน่นอนครับ
Lifestealer หลังจากที่ Infest ใส่ครีปเรียบร้อยเวลาเรากดเลือกครีปที่สิงอยู่นั้นจะมีสกิล control โผล่ออกมาให้กด
- ซึ่งสกิลนี้จะทำให้เราสามารถควบคุมยูนิตตัวนั้นได้ และสามารถใช้สกิลของมันได้ด้วย
- และถ้าเราสิงครีปฝั่งตรงข้ามมันก็ยังจะถือว่าเป็น unit ของฝั่งเดิมอยู่ ป้อม, ครีปจะไม่โจมตีตียูนิตที่สิงอยู่นั้น แต่ฮีโร่ทีมตรงข้ามจะสามารถโจมตียูนิตนั้นๆได้
- ยูนิตที่ถูกสิงจะเดินเร็วเท่ากับตัว Lifestealer
- สกิลนี้ไม่สามารถใช้สิงฮีโร่ได้แล้ว
Sniper
- Shrapnel จะไม่ทำ damage กับสิ่งปลูกสร้าง
- Shrapnel จะมี 3 ชาร์จ และมีคูลดาวน์ 40 วินาที
- Shrapnel ใช้มานาน้อยลงเหลือครั้งละ 50 หน่วย จากเดิม 120 หน่วย
- Shrapnel ระยะเวลาสกิลจะส่งผลนานขึ้นจากเดิม 9 วินาทีเป็น 10 วินาที
#4 ยินดีต้อนรับน้องใหม่เข้า Captain’s Mode
Bloodseeker and Techies ฮีโร่ทั้งสองตัวนี้ก็ได้แอดเข้าสู่ Captain’s Mode อย่างเป็นทางการแล้วนะครับ อยากเห็นเหมือนกันว่าทีมไหนจะจับ Techies ลงไปฟัดกันในแมทช์แข่ง คงจะสนุกไม่น้อยเลยล่ะ อีกทั้ง Techies ก็ยังได้ปรับเพิ่ม damage สกิล Land Mines โดยจะระเบิดแรงขึ้น 75 หน่วยในทุกๆเลเวล (เดิม 225/300/375/450 กลายเป็น 300/375/450/525) = = สุดยอดไปเลยแฮะ แต่ตรงกันข้ามกับ Bloodseeker ครับเพราะว่าตัวนี้ถูก nerfs สกิล Bloodrage ศัตรูที่โดนแปะสกิลจะไม่ได้รับ amplified damage แล้ว (หรือโดนโจมตีแรงขึ้น)
#5 ต้นเกมไม่ต้องลุ้นรูนแล้ว
โดยปกติแล้วผมจะเป็นคนหนึ่งที่มักจะไปลุ้นรูนตอนต้นเกม หากได้ hast ขึ้นมานะ มีเปิด first blood ได้ง่ายๆ แต่แพทช์นี้ไม่ต้องลุ้นกันแล้วครับเพราะว่าทั้งสองฝั่งจะออกเป็น Bounty rune เป็นรูนแรกตอนเริ่มเกมเสมอ แต่ว่ามันก็น่าแย่งต่ออยู่ดีเพราะว่าเจ้า Bounty rune อันแรกนี้จะมีค่าเป็นสองเท่าของ Bounty rune ปกติเลยนะครับ (ปกติจะได้ 50 gold/50 experience กลายเป็น 100 gold/100 experience per rune) ถ้าใครเก็บได้ก็ถือว่า head start ไปก่อน ได้เปรียบเลยทีเดียว และก็ลดเปอร์เซนต์การได้ first blood จากรูนปกติด้วย
#6 กันเวทย์เหรอ? ทะลุมันไปเลย
ตั้งแต่แพทช์ 6.82 ที่มีบางสกิลก็สามารถใส่ทะลุ magic immunity เพิ่มมาได้หลายสกิลทีเดียว ซึ่งแพทช์ที่แล้วจะปรับสกิลบัฟให้กับเพื่อนบางสกิลให้สามารถใส่ทะลุฮโร่ที่มีสถานะ magic immunity ได้ แต่สำหรับแพทช์นี้ตรงกันข้ามครับสกิลบางสกิลก็สามารถซัดทะลุสถานะ magic immunity เข้าหน้าเต็มๆเลยก็มี ตัวแรกที่ต้องพูดถึงเลยก็คือ Queen of Pain เพราะว่าสกิลท่าไม้ตายเปลี่ยนมาทำ pure damage โดนทีนี่เลือดหายแน่นอนไม่ว่าจะกด Black king bar รึปล่าว หากบางคนงงเพราะว่าในเกมเจอแต่คำว่า spell immunity ไม่ต้องตกใจนะครับเพราะมันก็คือสถานะเดียวกันกับ magic immunity นั่นแหละ ถ้าให้เข้าใจตรงกันง่ายๆก็คือสถานกันเวทย์หลังจากเรากด Black king bar, กดสกิล rage ของ Naix หรือกดสกิล Blade Fury ของ Juggernaut
เหมือนที่บอกไปข้างบนตอนนี้ Queen of Pain สกิล Sonic Wave จะทำ damage น้อยลงแต่จะทะลุ magic immunity ทั้งหลาย (แต่ด้วยความที่เป็น pure damage ก็จะทำให้ความรุนแรงของสกิลไม่โดนลดจากค่า magic resistance ซึ่งถ้าเป็นแบบเก่าพวกฮีโร่ทั้งหลายมักจะมีค่า magic resistance ติดตัวกันอยู่ 25 % พอคำนวณจริงๆ damage เดิมหลังจากลด 25% ดูยังจะน้อยกว่าของใหม่ที่เป็นแบบ pure damage อีกนะครับ)
สกิลของ Kunkka, X Marks the Spot ตอนนี้สามารถใส่ให้เพื่อนที่เปิด Black king bar หรือมีสถานะ magic immunity ได้แล้ว และยิ่งกว่านั้นยังเปลี่ยนระยะเวลาสกิลหากใส่กับศัตรูจะกลายเป็น 4 วินาทีทุกเลเวลและ 8 วินาทีสำหรับใส่ให้ทีมเดียวกัน (จาก 1/2/3/4 วินาทีสำหรับศัตรู และ 2/4/6/8 สำหรับเพื่อนร่วมทีม) แต่ก็จะถูกปรับเรื่องระยะการร่ายแทนในเลเวลต่ำๆ (จากเดิม 500/650/800/950 กลายเป็น 350/550/750/1000 หน่วย) และจะไม่เสียมานาเมื่อใช้สกิลนี้
Empower ของ Magnus, Living Armor ของ Treant Protector และ Shadow Word ชอง Warlock สามารถใส่บัฟให้เพื่อนที่มีสถานะ magic immunity ได้แล้วในแพทช์นี้
#7 ปรับ unique attack modifier กันสักหน่อย
นี่เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่ item, Diffusal Blade จะไม่เป็น unique attack modifier อีกต่อไปนั่นหมายความว่าเราสามารถใช้ดาบเบิร์นมานานี้ร่วมกับ unique attack modifier อื่นๆโดยที่ไม่ทับได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น lifesteal, Eye of Skadi, หรือ Desolator (แต่ buff เบิร์นมานาจะไม่สามารถใช้ stack รวมกันกันได้นะครับ ยกตัวอย่างของ antimage ก็จะใช้อันเยอะสุดคิดอันเดียวเท่านั้น)
#8 เอาใจสาย support
item ประจำตัวขาซัพพอร์ทมีแต่จะเพิ่มความสามารถขึ้น ในขณะเดียวกันก็ราคาถูกลงทุกแพทช์ๆ ซึ่งในแพทช์นี้ก็จะมี Medallion of Courage, Magic Wand, Healing Salve, Clarity, และ Animal Courier ที่ถูกปรับ ซึ่งการอัพเกรดครั้งนี้ก็จะส่งผลให้บรรดาซัพพอร์ททั้งหลายมีเงินเหลือใช้ประมาณ 40 gold ในช่วงเริ่มเกมเลยล่ะ
อันที่ผมว่าน่าสนใจที่สุดในแพทช์นี้ก็เห็นจะเป็น Medallion of Courage (โดยแพทช์นี้จะต้องซื้อกระดาบ recipe แพงขึ้นกว่าเดิมจาก 200 เป็น 325) โดยจะเพิ่มความสามารถในการเพิ่มเกราะหากกดใส่เพื่อนร่วมทีม และยังลดเกราะเหมือนเดิมหากกดใส่ศัตรู และจำนวนเกราะที่เพิ่ม/ลดก็ยังอัพเกรดจาก 6 หน่วยเป็น 7 หน่วย จากการที่สามารถกดเพิ่มเกราะให้กับเพื่อนได้คงทำให้ไอเทมชิ้นนี้ไม่ถูกละเลยเหมือนแพทช์ก่อนๆ โดยเฉพาะทีมที่เน้นการเก็บโรชานช่วงต้นเกมคงจะมีประโยชน์ไม่น้อย
Magic Wand ตอนนี้ก็ถูกปรับให้เก็บชาร์จสูงสุดได้ถึง 17 ชาร์จจากเดิมแค่ 15 ซึ่งสองชาร์จที่เพิ่มเข้ามาก็เท่ากับ HP และ มานา 30 หน่วยเลยล่ะ (จำนวนฮีลตอน max charge จากเดิม 225 เพิ่มเป็น 255)
Clarity ตอนนี้จะเพิ่มมานา 150 หน่วยจากเดิม 135 หน่วย ก็ถือว่าเป็นข่าวดีมากๆของพวก support สายเดิน gank หรือพวก roaming ต่างๆ อีกทั้งยังเพิ่ม mana regeneration เป็น3.38 หน่วยต่อวินาทีจากเดิม 3.75 ต่อวินาที แบบนี้ทำให้ฮีโร่ในเลนก็จะใช้เวลาหยุดรอมานาเด้งน้อยลงกว่าเดิม
Animal Courier แพทช์นี้ก็จะถูกลงไป 30 gold (เดิม 150 เหลือ 120) นั่นหมายความว่า support ก็จะประหยัดเงินเพิ่มไปอีก 30 gold ในตอนเริ่มเกม ก็จะทำให้ซื้อไอเทมติดตัวได้เยอะขึ้น
Healing Salve จะมีราคาถูกลงไป 5 gold จากเดิม 115 เหลือ 110
#9 โชว์ข้อมูลต่างๆง่ายขึ้นผ่านปุ่ม Alt
แน่นอนว่าในการเล่นแต่ละเกมนั้น การสื่อสาร มีความสำคัญต่อรูปเกมเป็นอย่างมาก อย่างบางข้อความที่จะพิมบอกเพื่อนร่วมทีมถ้ามันยาวเกินไป แล้วเรามัวมานั่งพิมเองเนี่ย อาจจะเสียจังหวะปะทะได้ ทาง Value จึงได้มีการเพิ่มฟังก์ชั่นการกดปุ่ม Alt แล้วคลิก elements ต่างๆบนจอเพื่อสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมได้สะดวกมากยิ่งขึ้น โดยความสามารถนี้ก็มีมาพอสมควรและก็ได้อัพเพิ่มเพื่อให้บอกข้อมูลได้มากกว่าเดิม เรามาดูดีกว่าว่าแพทช์นี้มีอะไรเพิ่มมาใหม่บ้าง
- สามารถกดสกิลที่ยังไม่ได้เรียนเพื่อบอกเพื่อนได้แล้ว
- กดตรงเลือดหรือมานาเพื่อบอกว่าเลือดเหลือเท่าไหร่ได้แล้ว (ใช้ได้เมื่อกดที่ตัวเอง หรือศัตรูเท่านั้น)
- อัพเกรดเวลากดตรงสกิลแล้วมีมานาไม่พอ จะมีบอกจำนวนมานาที่ขาดไปด้วย
- สถานะบัฟ หรือดีบัฟ ต่างๆสามารถกดเพื่อบอกเพื่อนได้แล้ว
- กดตรง item ที่ไม่ใช่แบบ active (เช่น battle fury, เอจิส) เพื่อบอกเพื่อนได้แล้ว
- บอกเวลาเกิดของฮีโร่ศัตรูโดยการคลิกที่หน้าฮีโร่ตรงด้านบน
- บอกเวลาเกิดของตัวเองโดยการคลิกที่หน้าฮีโร่ตรงด้านบน
- สามารถกดตรง Fortify icon เพื่อบอกสถานะการกดป้องกันป้อมนต่างๆได้แล้ว
- สามารถกดที่ bottle ที่มีรูนของศัตรูเพื่อเตือนเพื่อนๆได้แล้ว
#10 อัพเกรดเซิฟเวอร์
จากการที่ทาง Valve ได้สัญญาเอาไว้แล้วว่าในปีนี้จะทำการอัพเกรด server ขนานใหญ่ เพื่อเพิ่มความเสถียรให้กับเซิฟเวอร์ และเพิ่มความต้านทานต่อการโดน UDP flood attacks (ซึ่งมักจะทำให้เซิฟเวอร์เดี้ยงในขณะเล่นเกมหรือช่วงเวลาดูแข่ง tournament) โดยวิธีการย้ายขั้นตอน packet processing ออกจากโปรเซสตัวเกมหลัก แต่เอาไปใส่ไว้ใน worker โปรเซสซึ่งเป็นตัวทำงานส่วนนี้โดยเฉพาะอีกที ทำแบบนี้จะช่วยให้เราสามารถเช็คได้ว่าค่าความเสถียรของเซิฟเวอร์เพียงพอต่อการเล่นเกมหรือดูแข่งได้ไหม นั่นคงพอจะช่วยให้ผู้เล่น Dota 2 ทั้งหลายเจอกับเหตุการณ์ติดต่อเซิฟเวอร์ไม่ได้น้อยลงไม่มากก็น้อย
Source: joindota
Chillyprig
Credit : สูตร Dota 2 Patch 6.83 10 เรื่องที่คุณควรรู้ของแพทช์ใหม่